![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โครงการ “การพัฒนาคู่เสมือนดิจิทัลของโครงข่ายไฟฟ้าแบบเวลาจริง (Development of a Real-Time Digital Twin of Power Grid)” เพื่อร่วมกันพัฒนาต้นแบบคู่เสมือนดิจิทัลของระบบ RE100 Microgrid และสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยสำหรับการวิจัยและสร้างนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีไฟฟ้ากำลังของประเทศ โดยมี รศ.ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ลงนามร่วมกับ นายธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ (รวย.) ผู้แทน กฟผ. พร้อมด้วยคณาจารย์และผู้บริหาร อาทิ รศ.ดร.เชาวน์ดิศ อัศวกุล หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และ นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ (ชยน.) ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม SPARK อาคารเกเวอร์ต สแควร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ที่มา : EGAT Today |
กฟผ. ร่วมกับ กฟน. และ กฟภ. จัดงาน “Show and Share Innovation for the Better Life 2025” เวทีแสดงศักยภาพผลงานวิจัย พัฒนา สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้า เพื่อยกระดับคุณภาพและความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมพลังงานยุคดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยมุ่งขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ร่วมจัดงาน Show and Share Innovation for the Better Life 2025 โดยมีนายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ (ชยน.) กฟผ. นายดิเรก บุญปิยทัศน์ รองผู้ว่าการวางแผนและนวัตกรรมระบบไฟฟ้า กฟน. และ นายพงศกร ยุทธโกวิท รองผู้ว่าการวางแผนและวิศวกรรม กฟภ. ร่วมเปิดงาน โดยมีนวัตกรจากทั้ง 3 การไฟฟ้า พร้อมทั้งหน่วยงานด้านนโยบายและกำกับดูแลกิจการด้านพลังงาน หน่วยงานด้านวิจัยของประเทศ สถาบันการศึกษา และประชาชนที่สนใจร่วมงาน ณ ห้อง Bangkok Convention Centre B2 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
งาน Show and Share Innovation for the Better Life 2025 เป็นเวทีนำเสนอผลงานนวัตกรรมที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาบริการไฟฟ้าอัจฉริยะ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนการตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้ใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัลและสังคมคาร์บอนต่ำ โดยปีนี้มี กฟน. เป็นเจ้าภาพจัดงาน ภายในงานมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การจัดแสดงนิทรรศการและผลงานเด่นจากทั้ง 3 การไฟฟ้า การเสวนาแลกเปลี่ยนแนวคิดด้านนวัตกรรมในหัวข้อ “นวัตกรรมเพื่อความมั่นคงระบบไฟฟ้า”เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ก้าวสู่การพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนในอนาคต โดยผู้บริหารจาก 3 การไฟฟ้า และมีคุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ
นายเกษม สระทองฮัก ผู้ช่วยผู้ว่าการวางแผนและนวัตกรรมระบบไฟฟ้า กฟน. กล่าวในการเสวนาว่า กฟน. มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อรองรับความมั่นคงและความยั่งยืนของระบบไฟฟ้าในอนาคต โดยมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้งในระบบจำหน่าย ระบบควบคุม และสถานีไฟฟ้าย่อย เช่น การเปลี่ยนวัสดุสายไฟให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น การพัฒนาอุปกรณ์ตัดวงจรและฉนวนไฟฟ้าที่ติดตั้งได้โดยไม่ต้องดับไฟ การใช้เสาเหล็ก Steel Monopole เพื่อลดปัญหาเสาหักล้ม ตลอดจนการติดตั้ง Smart Meter และระบบตรวจสอบโหลดหม้อแปลง (TLM) เพื่อบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ กฟน. ยังได้พัฒนา Modular Substation แบบ Net Zero ซึ่งใช้พลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าภายนอกและลดการปล่อยคาร์บอน โดยทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความตั้งใจในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงและมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
นายสมชาย ทรงศิริ ผู้ช่วยผู้ว่าการวางแผนและวิศวกรรม (วางแผนและพัฒนาระบบไฟฟ้า) กฟภ. กล่าวถึงภาพรวมด้านยุทธศาสตร์และทิศทางด้านนวัตกรรมของ กฟภ. รวมถึงนโยบาย PEA MOVE ของผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคคนที่ 16 (นายมงคล ตรีกิจจานนท์) ภายในการเสวนาว่า ในด้าน Innovation and Green Energy การใช้นวัตกรรมและพลังงานสะอาด โดย กฟภ. ได้นำนวัตกรรมแพลตฟอร์ม CARBONFORM มาใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินก๊าซเรือนกระจกขององค์กร และให้บริการลูกค้าภายนอก เพื่อการลดและชดเชยคาร์บอนมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ นอกจากนั้น กฟภ. ยังมีนวัตกรรมเพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ผ่านการดำเนินโครงการ Microgrid ในพื้นที่วิกฤตด้านพลังงานไฟฟ้า และโครงการส่งเสริมการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าสะอาดด้วย Third Party Access และ Energy Trading Platform และเพื่อให้การดำเนินงานด้านนวัตกรรมเกิดความยั่งยืนในอนาคต กฟภ. ได้กำหนดวิสัยทัศน์และทิศทางยุทธศาสตร์ด้านการจัดการนวัตกรรม เพื่อให้เป็นองค์กรนวัตกรรมที่มุ่งมั่นให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในด้านการจัดทำพลังงานสะอาดและระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะทั้งในปัจจุบันและอนาคต
นายวฤต รัตนชื่น ชยน. กล่าวในการเสวนาว่า กฟผ. เดินหน้ายกระดับระบบไฟฟ้าให้ทันสมัย ยืดหยุ่น และยั่งยืนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) รองรับพลังงานหมุนเวียนและเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต โดย กฟผ. มีการปรับโครงข่ายระบบไฟฟ้าให้ทันสมัย (Grid Modernization) เสริมความมั่นคงด้านพลังงาน โดยปรับปรุงสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ให้มีความยืดหยุ่นในการบริหารกําลังการผลิตไฟฟ้า และลดความผันผวนของระบบ ติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานทั้งแบตเตอรี่ (BESS) และโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ พร้อมพัฒนาศูนย์ควบคุมการตอบสนองด้านโหลด (DRCC) และศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (REFC) เพื่อใช้ข้อมูลมาวางแผนและบริหารจัดการระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมผลักดันโครงการเพื่อความยั่งยืน อาทิ 1. ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC) 2. โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ 3. EV Integration และระบบชาร์จไฟอัจฉริยะผ่านแพลตฟอร์ม EleXA และ BackEN EV4. Urban Mining และการบริหารจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้วอย่างคุ้มค่า 5. การจัดซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability Linked Bond) มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรสู่ความยั่งยืนของประเทศในระยะยาว
การจัดงานครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในความร่วมมือของ 3 การไฟฟ้า เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของผู้ใช้ไฟฟ้า ส่งเสริมงานวิจัยพัฒนา สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรม บูรณาการความร่วมมือระหว่างกัน พร้อมขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ให้การผลิต จัดหา และส่งจ่ายไฟฟ้าของประเทศมีคุณภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคง สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ที่มา : EGAT Today
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 นายสุพัฒนพงศ์ สิกขาบัณฑิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม (ช.อวน.) เป็นผู้แทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำนักประดิษฐ์ กฟผ. เข้าร่วมพิธีมอบประกาศนียบัตรแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลจากเวทีนานาชาติ Internationally Outstanding Inventors Awards Ceremony กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดโดยสำนักงานวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดยมีศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธี ฯมีนายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ผู้บริหารสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย เข้าร่วมในพิธี ฯ ณ เวทีกลาง Hall 2 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพ ฯ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อแสดงความยินดีกับความสำเร็จของนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศโดยสามารถนำ 587 ผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมไปคว้ารางวัลจากการประกวดแข่งขันใน 11 เวทีระดับนานาชาติ
ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล กล่าวว่า ขอขอบคุณ วช. ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการส่งเสริมสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมไทยสู่เวทีระดับนานาชาติด้วยความมุ่งมั่นกว่า 10 ปี ขอขอบคุณสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ที่ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในการสนับสนุนนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยให้สามารถก้าวไกลสู่เวทีโลก และขอชื่นชมกับความสำเร็จของนักประดิษฐ์และนักวิจัยทุกท่านซึ่งเป็นกำลังสำคัญของชาติในการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน ขอให้ทุกท่านรักษาความมุ่งมั่นและพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสร้างผลงานที่มีคุณค่าแก่ประชาคมโลกต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ผลงานสิ่งประดิษฐ์ของ กฟผ. ที่ได้รับมอบประกาศนียบัตรฯ มีจำนวน 8 ผลงานจากการได้รับรางวัลในการประกวดเวทีระดับนานาชาติ ประกอบด้วย เวที The 50th International Exhibition of Geneva ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ได้แก่ ผลงาน “ศูนย์รวมการบริหารสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (AIMS - Advanced IPP Management Solutions)” โดยฝ่ายสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (อสฟ.) ได้รับรางวัลเหรียญเงิน และผลงาน “เครื่องอัดประจุแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรงสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (FLEXXFAST: SMART DC FAST CHARGER)” โดยฝ่ายบำรุงรักษาไฟฟ้า (อบฟ.) และฝ่ายจัดการธุรกิจโรงไฟฟ้าและระบบส่ง (อกธ.) ได้รับรางวัลเหรียญเงิน และรางวัลพิเศษจากสาธารณรัฐฝรั่งเศส
เวที The 36th International Invention, Innovation & Technology Exhibition (ITEX 2025)ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย ได้แก่ ผลงาน “ตู้ควบคุมมอเตอร์อัจฉริยะโดยใช้การชดเชยกำลังไฟฟ้ารีแอกทีฟ” โดยฝ่ายการผลิตเหมืองแม่เมาะ (อผม.) ได้รับรางวัลเหรียญทอง และผลงาน “ยานใต้น้ำไร้คนขับเพื่อตรวจสอบแผงผลิตไฟฟ้าลอยน้ำ” โดยฝ่ายบำรุงรักษาเครื่องกล (อบค.) ได้รับรางวัลเหรียญทอง
เวที The 18th International Invention Show (INTARG® 2025) ณ เมืองคาโตไวซ์ สาธารณรัฐโปแลนด์ได้แก่ ผลงาน “ระบบเฝ้าระวังสถานีไฟฟ้าทางไกลแบบเรียลไทม์และการแจ้งเตือนเหตุการณ์ขัดข้องแบบอัตโนมัติ”โดยฝ่ายปฏิบัติการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อปอ.) ได้รับรางวัลเหรียญทอง และผลงาน “การพัฒนาระบบเฝ้าติดตามแผ่นดินถล่มบริเวณเหมืองเปิดถ่านหินลิกไนต์แม่เมาะโดยการรังวัดด้วยดาวเทียมกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกแบบจลน์ในทันที” โดยฝ่ายวางแผนและบริหารเหมืองแม่เมาะ (อบม.) ได้รับรางวัล Diamond Award และรางวัลเหรียญทอง
เวที 2025 Japan Design, Idea and Invention Expo (JDIE 2025) ณ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ ผลงาน “หุ่นยนต์จัดยาต้นแบบสำหรับสถานพยาบาล ฝ่ายแพทย์และอนามัย กฟผ. สำนักงานใหญ่(EGAT Medical Dispensing Robot)” โดยฝ่ายแพทย์และอนามัย (อพอ.) ได้รับรางวัลเหรียญทอง และผลงาน“หัวเจาะพิฆาต เวอร์ชั่น 2 (Intelligent Drill-Bit Version 2)” โดยฝ่าย อบม. และฝ่าย อผม. ได้รับรางวัลเหรียญทอง
ที่มา : EGAT Today
กฟผ. สร้างชื่อระดับโลก ส่งผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเข้าร่วมประกวดในเวที Japan Design, Idea and Invention Expo 2025 (JDIE 2025) ประเทศญี่ปุ่น พร้อมคว้า 4 รางวัลใหญ่ ตอกย้ำศักยภาพการวิจัยและพัฒนา “นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่า”
นายธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ (รวย.) เปิดเผยว่า กฟผ. ได้ส่งผลงานสิ่งประดิษฐ์ กฟผ. ที่ได้รับรางวัลสร้างสรรค์จากการประกวดผลงานที่คิดค้นหรือสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นประโยชน์แก่ กฟผ. ในปี 2567 จำนวน 2 ผลงาน เข้าร่วมประกวดในเวทีนานาชาติ “2025 Japan Design, Idea and Invention Expo” (JDIE 2025) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5–6 กรกฎาคม 2568 ณ Bellesalle Haneda Airport กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมี นายสุพัฒนพงศ์ สิกขาบัณฑิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม (ช.อวน.) เป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปร่วมงานในครั้งนี้ และ กฟผ. สามารถคว้ารางวัลรวมทั้งสิ้น 4 รางวัล ได้แก่
![]() |
![]() |
1. รางวัลเหรียญทอง และรางวัล NRCT HONORABLE MENTION AWARD จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จากผลงานสิ่งประดิษฐ์ กฟผ. เรื่อง “หุ่นยนต์จัดยาต้นแบบสำหรับสถานพยาบาล กฟผ. (EGAT Medical Dispensing Robot )” เป็นผลงานวิจัยร่วมระหว่าง กฟผ. โดยฝ่ายแพทย์และอนามัย (อพอ.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ซึ่งนวัตกรรมหุ่นยนต์จัดยาต้นแบบของไทยนี้ได้ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ โดยเป็นรูปแบบ Modular System ที่สามารถปรับการทำงานได้ตามความต้องการของสถานพยาบาล และเชื่อมต่อกับระบบบริหารข้อมูลสุขภาพ (HIS) เพื่อจัดยาตามคำสั่งแพทย์ในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ (กล่อง) ซึ่งช่วยรักษาคุณภาพยาให้คงที่ หุ่นยนต์นี้จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในการจัดยา ลดเวลารอคอยของผู้ป่วย และช่วยให้เภสัชกรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสิ่งประดิษฐ์นี้ได้รับการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาโดย กฟผ. เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคต
2. รางวัลเหรียญทอง และรางวัล NRCT SPECIAL AWARD จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จากผลงานสิ่งประดิษฐ์ กฟผ. เรื่อง “หัวเจาะพิฆาต เวอร์ชั่น 2 (Intelligent Drill-Bit Version 2)” โดย ฝ่ายการผลิตเหมืองแม่เมาะ (อผม.) และฝ่ายวางแผนและบริหารเหมืองแม่เมาะ (อบม.) ได้พัฒนานวัตกรรมเครื่องมือเจาะสำรวจคล้ายเครื่องเจาะบาดาล โดยปรับปรุงหัวเจาะและระบบท่อให้เหมาะกับสภาพดินและหินในพื้นที่เหมืองแม่เมาะโดยเฉพาะ เพื่อใช้ในการศึกษา ตรวจสอบ ป้องกัน และดูแลเสถียรภาพของบ่อเหมืองและที่ทิ้งดิน นวัตกรรม กฟผ. หรือ “Made by EGAT” นี้ ได้รับความสนใจจากหน่วยงานภายนอกรวมถึงบริษัทเหมืองต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ กฟผ. ยังมีศักยภาพในการถ่ายทอดองค์ความรู้และเป็นที่ปรึกษาให้กับเหมืองเปิดในประเทศเพื่อนบ้านที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกัน เช่น เหมืองถ่านหินหงสา สปป.ลาว และเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย สิ่งประดิษฐ์นี้ได้รับการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาโดย กฟผ. เพื่อการใช้ประโยชน์และต่อยอดในอนาคต
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สำหรับงาน JDIE 2025 จัดขึ้นโดย World Invention Intellectual Property Associations (WIIPA) ร่วมกับ Chizai Corporation ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวทีระดับนานาชาติที่รวบรวมผลงานสิ่งประดิษฐ์กว่า 500 ผลงาน จากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยี ต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรมที่สร้างประโยชน์ต่อสังคมและอุตสาหกรรม สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ กฟผ. ที่มุ่งพัฒนา “นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่า”
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ที่มุ่งเน้นการยกระดับองค์ความรู้ วิชาการและเทคโนโลยี สนับสนุนการสร้างนวัตกรรมด้านพลังงานและสาขาที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ (รวย.) และ รองศาสตราจารย์ นพ.สุนทร วงษ์ศิริ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ร่วมลงนาม พร้อมด้วยผู้บริหารจากทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน อาทิ รองศาสตราจารย์ ดร.มัทนชัย สุทธิพันธุ์ รองผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา ด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ พร้อมด้วย นายยุทธพง ตันเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม (อวน.) กฟผ. และ ศาสตราจารย์ ดร.สุเมธ ไชยประพัทธ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบพลังงาน ณ ห้องประชุม EILA3 ชั้น 8 อาคารศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้คุณหญิงหลง ฯ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
นายธวัชชัย สำราญวานิช รวย. กล่าวว่า กฟผ. มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนางานวิจัยให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน รวมทั้งการประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และในเชิงพาณิชย์ โดยการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการสร้างสรรค์นวัตกรรมของทั้งสองหน่วยงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพ ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ของทั้งสองหน่วยงานจะช่วยผลักดันให้เกิดผลงานวิจัยที่เป็นประโยชน์และมีคุณค่าแก่ประเทศไทยต่อไปในอนาคต
สำหรับ MOU ฉบับนี้ เป็นการสานต่อความร่วมมือที่สองหน่วยงานได้ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2563 โดยมุ่งเน้นการศึกษาและวิจัยด้านพลังงาน เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ โดยครอบคลุมทั้งด้านชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อให้สามารถนำผลงานวิจัยไปต่อยอดได้ในหลากหลายมิติ ทั้งในระดับชุมชน ภาครัฐ เอกชน หรือในระดับประเทศ รวมถึงการพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ เสริมศักยภาพการแข่งขันด้านเทคโนโลยีพลังงานของไทยในอนาคตอย่างยั่งยืน
ที่มา : EGAT Today
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน เพื่อร่วมกันส่งเสริมองค์ความรู้ พัฒนานวัตกรรม และสร้างบุคลากรด้านพลังงานรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ โดยได้รับเกียรติจาก นายธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ (รวย.) เป็นผู้แทน กฟผ. ร่วมลงนามกับศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.กุลยศ อุดมวงศ์เสรี กรรมการ กฟผ. และประธานกรรมการเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดการความรู้ และนวัตกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ทั้ง 2 ฝ่าย และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม 202 อาคารจามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ในโอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ในนามของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอขอบคุณ กฟผ. ที่ร่วมผลักดันความร่วมมือในครั้งนี้ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างองค์การ จะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมที่ตอบสนองต่อความต้องการด้านพลังงานอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการวิจัยในมิติของชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการดำเนินงานวิจัยเชิงพื้นที่ให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจนและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงไม่เพียงแต่เพื่อการพัฒนาระบบหรือผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงเท่านั้น แต่ยังสามารถขยายผลในเชิงพาณิชย์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการต่อยอดงานวิจัย นวัตกรรม และการพัฒนากำลังคนในอนาคต
ด้าน รศ.ดร.กุลยศ อุดมวงศ์เสรี กรรมการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. ในฐานะผู้ผลิตและส่งไฟฟ้าหลักของประเทศ ได้มุ่งสนับสนุนงานวิจัยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งภายในองค์การและผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก โดยเฉพาะในปีนี้ กฟผ. ได้มีนโยบายขับเคลื่อนทุนวิจัยแบบ “มุ่งเป้า” เพื่อให้ได้งานวิจัยที่สอดคล้องกับพันธกิจและสามารถนำไปใช้ได้จริง
“กฟผ. มีกรอบงบวิจัยตามมติ ครม. ปีละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาดำเนินการในลักษณะกระจายตัว แต่วันนี้เรามุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญ โดย กฟผ. จะสนับสนุนทุนวิจัยให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีละ 100 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 3 ปี พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการร่วม เพื่อกลั่นกรอง ติดตาม และประเมินผล เพื่อให้เกิดงานวิจัยที่จับต้องได้และตอบโจทย์อนาคตพลังงานของประเทศอย่างแท้จริง”
นายธวัชชัย สำราญวานิช รวย. เปิดเผยว่า กฟผ. มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนางานวิจัยอย่างจริงจัง เพื่อนำไปต่อยอดสู่การสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง กฟผ. ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการพัฒนาเทคโนโลยีหลัก (Key Technologies) อาทิ การปรับปรุงระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย (Grid Modernization) ระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System: BESS) Hydrogen และ CCUS (Carbon Capture, Utilization and Storage) เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าสมัยใหม่ เช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) เทคโนโลยีคาร์บอนไดออกไซด์ในสถานะความร้อนยิ่งยวด เทคโนโลยีพลาสมา และฟิวชัน พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) รวมถึงงานวิจัยด้านสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม และสุขภาวะของประชาชน “การวิจัยเหล่านี้จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและการใช้พลังงานของประเทศให้มีความยั่งยืน พร้อมทั้งตอบสนองต่อความต้องการของสังคมและเศรษฐกิจในอนาคต” รวย. กล่าว
ทั้งนี้ กฟผ. เชื่อมั่นว่า การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะช่วยผลักดันให้เกิดผลงานวิจัยที่สามารถนำไปต่อยอดได้จริง ทั้งในเชิงวิชาการ เชิงพาณิชย์ และสร้าง “คุณค่าร่วม” (Shared Value) ให้กับชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ที่มา : EGAT Today
กฟผ. โดย ฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม (อวน.) ได้ส่งผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับรางวัล “ดีมาก” ประจำปี 2567 จำนวน 2 ผลงาน ได้แก่ (1) ระบบเฝ้าระวังสถานีไฟฟ้าทางไกลแบบเรียลไทม์และการแจ้งเตือนเหตุการณ์ขัดข้องแบบอัตโนมัติ โดย อปอ. และ (2) การพัฒนาระบบเฝ้าติดตามแผ่นดินถล่มบริเวณเหมืองเปิดถ่านหินลิกไนต์แม่เมาะ โดยการรังวัดด้วยดาวเทียมกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกแบบจลน์ในทันที โดย อบม. เข้าร่วมประกวดเวทีนานาชาติ “The 18th International Invention and Innovation Show” (INTARG 2025) ระหว่างวันที่ 3 – 5 มิถุนายน 2568 ณ International Congress Centre เมืองคาโตไวซ์ สาธารณรัฐโปแลนด์ โดยมี นายวีระ ตั้งวิชาชาญ ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารเชื้อเพลิง (ชชห.) เป็นหัวหน้าคณะเดินทาง ซึ่ง เบื้องต้น กฟผ. ได้รับรางวัลเหรียญทองทั้งสองผลงาน ส่วนรางวัลใหญ่ Platinum Award และ Special Prize on Stage รอประกาศผลรางวัลในพิธีปิดงานฯ วันที่ 5 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 23.00 น. รวมทั้งได้รับเกียรติจากนายนัฐพงศ์ สุวรรณภักดี อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ เยี่ยมชมผลงานนักประดิษฐ์นักวิจัยไทยภายในงานฯ และได้เข้าเยี่ยมชมบูธจัดแสดงนิทรรศการของ กฟผ. ด้วย
เวที INTARG เป็นงานประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมระดับนานาชาติที่จัดขึ้นในทวีปยุโรป ซึ่งในปี 2025 หน่วยงานเจ้าภาพในการจัดงาน Eurobusiness-Haller ได้เชิญ วช. ร่วมเป็น Partner ของการจัดงานในฐานะหน่วยงานหลักของไทยที่ได้รับมอบหมายจาก Eurobusiness-Haller ในการพิจารณากลั่นกรองนำผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเข้าร่วมประกวดและจัดแสดงนิทรรศการ มีประเทศต่างๆ ในภูมิภาคยุโรปและเอเชีย มากกว่า 500 ผลงานเข้าร่วมจัดแสดง
กฟผ. โดย ฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม (อวน.) ได้ส่งผลงานสิ่งประดิษฐ์ กฟผ. ที่ได้รับรางวัล “ชมเชย” ประจำปี 2567 จำนวน 2 ผลงาน ได้แก่ (1) "ตู้ควบคุมมอเตอร์อัจฉริยะ โดยใช้การชดเชยกำลังไฟฟ้ารีแอกทีฟ" โดย อผม. และ (2) "ยานใต้น้ำไร้คนขับเพื่อตรวจสอบแผงผลิตไฟฟ้าลอยน้ำ" โดย อบค. เข้าร่วมประกวดเวทีนานาชาติ ในงาน The 36th International Invention, Innovation & Technology Exhibition (ITEX 2025) ระหว่างวันที่ 29 - 31 พฤษภาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย โดยมี นายฉัตรชัย มาวงศ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธุรกิจบำรุงรักษา (ชธธ.) เป็นหัวหน้าคณะเดินทาง ซึ่ง กฟผ. ได้รับรางวัลเหรียญทองทั้งสองผลงานดังกล่าว รวมทั้งได้รับเกียรติจากนางสาวลดา ภู่มาศ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่เดินทางมาให้กำลังใจและเยี่ยมชมผลงานนักประดิษฐ์นักวิจัยไทยภายในงานฯ และได้เข้าเยี่ยมชมบูธจัดแสดงนิทรรศการของ กฟผ. ด้วย
ITEX เป็นงานการประกวดและนำเสนอผลงานของนักประดิษฐ์จากประเทศต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นมากกว่า 30 ปี เป็นหนึ่งในนิทรรศการการประกวดสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งในเอเชีย และเป็นเวทีที่นักประดิษฐ์และนักวิจัยจากนานาประเทศให้การตอบรับเข้าร่วมจัดแสดงผลงานวิจัยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการประดิษฐ์คิดค้น จัดโดย Malaysian Invention and Design Society (MINDS) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการส่งเสริมสิ่งประดิษฐ์และการออกแบบของมาเลเซีย ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงการวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งมาเลเซีย ในงาน ITEX 2025 มีผลงานประดิษฐ์คิดค้นจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน มหาวิทยาลัย องค์กรและสถาบันด้านการประดิษฐ์ต่างๆ จากหน่วยงานนานาชาติเข้าร่วมประกวดและจัดแสดง ร่วม 1,000 ผลงาน อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฟิลิปปินส์ โอมาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และประเทศไทย เป็นต้น
นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจ (ชยน.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำทีมนักประดิษฐ์ กฟผ. เข้าร่วมประกวดและจัดแสดงผลงานในเวที “The 50th International Exhibition of Inventions Geneva” (Geneva Inventions 2025) ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส คว้า 5 รางวัล จาก 2 ผลงาน คือ 1) ผลงานเครื่องอัดประจุแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรงสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (FLEXXFAST: SMART DC FAST CHARGER) ได้รับ 3 รางวัล คือ รางวัล Silver Medal รางวัลพิเศษ Special Award จากสาธารณรัฐฝรั่งเศสและรางวัลพิเศษ NRCT Special Award จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) 2) ผลงานศูนย์รวมการบริหารสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (AIMS-Advanced IPP Management Solutions) โซลูชันดิจิทัลแบบศูนย์รวม ทำให้การจัดการสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระหว่างผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) และ กฟผ. เป็นระบบเดียวกัน ลดความซ้ำซ้อนและข้อผิดพลาดในการดำเนินงาน ได้รับรางวัล Silver Medal และรางวัลพิเศษ NRCT Special Award จาก วช.
สำหรับเวที Geneva Inventions 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9–13 เมษายน 2568 เป็นเวทีประกวดและจัดแสดงผลงานของนักวิจัยและนักประดิษฐ์จากทั่วโลก ภายในงานมีผลงานเข้าร่วมประกวดและจัดแสดงนิทรรศการกว่า 1,000 ผลงาน จากกว่า 40 ประเทศ
ที่มา : EGAT Today